Skip to main content

การเรียน-พลังจักรวาล

การเรียน-พลังจักรวาล


คุณสมบัติของผู้เรียน
– ไม่จำกัดเพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรืออาชีพ
– ไม่จำกัดความรู้ทางการศึกษา
– ผู้เรียนต้องมีอายุตั้งแต่ 14 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

เงื่อนไขของผู้ปฏิบัติ
– ขณะกำลังศึกษา (ห้วงเวลาที่รับการสอน) ห้ามเสพสุรายาดอง ของมึนเมา ทุกชนิด
– ผู้เรียนวิชานี้แล้วจะมีความสามารถในการนำวิชานี้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ให้พ้นทุกข์หรือบรรเทาทุกข์ จากโรคภัยไข้เจ็บทั้งกายและจิตใจ จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตเมตตายิ่งมีมากเพียงใด ประสิทธิภาพในการนำวิชานี้ไปใช้ จะยิ่ง ได้ผลมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
– เมื่อได้วิชานี้ไปแล้วจะต้องไม่นำไปประกอบเป็นอาชีพนั่นคือ ต้องปฏิบัติช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในการบำบัดโรค โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นอีกประการหนึ่งผู้เรียนวิชานี้ จะต้องไม่ปฏิเสธบุคคลในครอบครัว เมื่อบุคคลในครอบครัวร้องขอให้ช่วยรักษาโรค หรือบำบัดอาการเจ็บป่วย ทุกกรณี

ข้อบ่งชี้สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนเพื่อนำไปใช้
1.ผู้ทำการบำบัด ต้องเรียนและฝึกให้มีความคิดที่จะบรรลุถึงการควบคุมตนเองในภาระหน้าที่ต่างๆทุกประการ จากหน้าที่เล็กๆ ในครอบครัวไปจนถึงหน้าที่สูงสุดในสังคม นี่เป็นเป้าหมายของการฝึกฝนด้วยตนเอง เมื่อผู้ทำการบำบัดบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวแล้ว จะสามารถนำความผาสุกมาสู่คนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ผู้ทำการบำบัดและครอบครัวต้องผ่านการพิสูจน์จากสังคม และยอมรับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา แม้จะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ยิ่งทนได้มากเท่าไร กรรมของเราก็จะหมดลงเร็วเท่านั้น ขณะที่เราทนต่อความทุกข์ยากได้ จิตวิญญาณจะพุ่งสู่ระดับสูงขึ้น เมื่อจิตวิญญาณของเราพัฒนาเข้าสู่ ระดับสูงขึ้น ร่างกายของเราก็จะดูดซับพลังจักรวาลได้ง่ายขึ้น ในสภาวะเช่นนี้เราจะมีความสามารถมากพอที่จะบำบัดคนไข้ทั้งหมดที่มาพบเราได้ ถึงแม้ว่าคนไข้เหล่านั้นจะมีโรคที่ยากต่อการบำบัด
3. เราต้องให้ความรักคนไข้ให้มากเท่ากับที่เราี่รักครอบครัวของเรา และต้องไม่แบ่งแยกชนชั้นหรือฐานะ
4. ระหว่างการบำบัด ความคิดคำนึงของเราควรจดจ่ออยู่ที่คนไข้ และต้องไม่ยอมให้สภาวะแวดล้อมภายนอกทำให้เราไขว้เขว
5. ผู้ฝึกฝนต้องเสียสละประโยชน์ส่วนตนด้วยการปฏิเสธความมีชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ และความรัก ความมีชื่อเสียงควรนำมา สู่บ้านเกิดเมืองนอนของตน ทรัพย์ศฤงคารควรอุทิศให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศของตน และความรักควรจะแบ่งบันไปสู่มวลมนุษย์
6. ร่างกายของมนุษย์มีจุดสำคัญ 7 จุด เมื่อจุดเหล่านี้ถูกเปิด จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่าเต็มที่ ในชั้นต้นจะได้รับการเปิด จุด 6 จุด ที่เรียกว่า “จักระ”และเมื่อได้ฝึกฝนด้วยตนเอง จนประสบผลสำเร็จแล้ว จุดสำคัญอีก 1 จุด จะถูกเปิดโดยอัตโนมัติ ซึ่งถือว่าได้บรรลุถึงจุดสูงสุด และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์์

เวลาที่ใช้ในการศึกษา
ระดับพื้นฐาน มี 5 ระดับ ใช้เวลาเรียน1 วัน
เปิดสอนวันเสาร์แรกของทุกเดือน เวลา 08.30น.-15.30น. ที่ สำนักงานมูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาล
ระดับพื้นฐาน สอนวิธีการหายใจ การทำสมาธิ เรียนรู้ระบบจักระ สอนการรับและส่งพลังจักรวาลในการรักษาโรคต่างๆให้กับตนเองและผู้อื่น เรียนรู้การหมุนจักระหรือการพัฒนาจักระ และการพัฒนาจิตวิญญาณ เพื่อการเข้าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ

ระดับที่สูงขึ้นไป
ใช้เวลาเรียนแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียน และปัจจัยอื่นๆตามความเหมาะสม
การเรียนในระดับสูง เป็นการเรียนการรักษาโรคทางไกล ตลอดจนการประยุกต์วิชาพลังจักรวาลในกิจกรรมด้านต่างๆ

ทุกระดับจัดสอนที่สำนักงานมูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาล
ท่านสามารถติดตามข่าวสาร การเปิดสอนในแต่ละระดับได้จากเวบไซด์ของมูลนิธิฯ
หรือโทรติดต่อมายังมูลนิธิฯ โดยตรงที่
โทร. 02 054 1801 หรือ 085 369 1426
E-mail: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ
This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

  • Hits: 74

พื้นฐาน-พลังจักรวาล

พื้นฐาน-พลังจักรวาล

จักระทั้ง 7 จุด คือจุดที่รับพลังจักรวาล นั่นเอง

จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ)
– อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก
– เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
– ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ

จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ)
– อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง
– ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
– ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค

จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ)
– อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
– ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
– ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต

จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ)
– อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ
– ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
– ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว

จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ)
– อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
– ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
– ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง

จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ)
– อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ผู้สำเร็จ ระดับ1, 2,3,4 และ 5 (ระดับพื้นฐาน) ยังไม่มีความสามารถใช้จักระนี้ในการรักษาโรค
– ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
– ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิได้ิเท่านั้น (ถ้าหากใช้รักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด หรือหมดความสามารถ)

จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ)
– อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
– ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
– ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสีย

 

 

  • Hits: 64

พลังจักรวาล-คืออะไร

ปีค.ศ.2000….เป็นปีที่ทุกคนต่างเรียกกันว่าปีแห่งสหัสวรรษใหม่ ปีที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆด้านบนโลกใบนี้ แต่ทุกท่านคงไม่ปฏิเสธว่า แม้โลกของเราจะมีความก้าวหน้าล้ำยุคไปมากเพียงใด ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังเป็นสิ่ง ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ อาจเกิดขึ้นกับทุกคนถึงแม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้เกิดทุกข์ ทำให้เราเข้าใจ เห็น ถึงสัจธรรมที่ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

พลังจักรวาล เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ทำให้ท่านพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บได้ และต่อสู้บนโลก ใบนี้ที่พัฒนาอย่างไม่มีวันหยุด วิชาพลังจักรวาล ไม่ใช่วิชาที่แปลกใหม่แต่อย่างใด บางท่านอาจจะไม่ทราบ หรือทราบมาบ้างแล้วเพียงผิวเผินเท่านั้น

พลังจักรวาลมิใช่พลังทางไสยศาสตร์ ไม่มีการใช้คาถาอาคม ไม่จำกัดศาสนาหรือชนชาติใดๆในการรับการศึกษาหรือรับการบำบัดโรค พลังจักรวาล เป็นพลังธรรมชาติมีลักษณะเป็นคลื่นไฟฟ้าคล้ายคลื่นของรังสีคอสมิคผู้มีความสามารถในการซึมซับพลังจักรวาลมาสู่ร่างกาย จะทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ และยังมีความสามารถใช้พลังจักรวาล ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หายหรือทุเลา
จากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้อีกด้วยนอกจากนี้ยังนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกมากมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของแต่ละบุคคล

การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล จึงเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งทำให้โรคภัยไข้เจ็บทุเลาหรือหายได้โดยวิธีทางธรรมชาติ โดยใช้คุณธรรมสำคัญคือ ” ความเมตตา ” ดังนั้นผู้ให้การรักษา จึงไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น. ผลงานวิจัยหลายชิ้นได้ลงความเห็นว่า พลังจักรวาลใช้รักษาโรคและอาการหลายอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับ หู ตา จมูก หรือโรคไม่แสดงอาการความเจ็บป่วยออกมา ในสหรัฐอเมริกา และประเทศทั่วโลก มีผู้สนใจวิชานี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนมาจากระดับความรู้ต่างกัน มีผู้คนหลายวงการเช่น แพทย์ นักวิจัย วิศวกร ได้รับการอบรม เขาเหล่านั้นจะสามารถช่วยบรรเทา หรือรักษาโรคให้แก่ตนเองและคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงาน โดยเพียงเขา ได้รับการเปิดจักระ ในร่างกายด้วยวิธีการที่ถูกต้อง และได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีความสามารถ จริงๆ

ประวัติวิชาพลังจักรวาล
วิชาพลังจักรวาลกำเนิดมานานมากจนไม่อาจระบุได้แน่นอนถึง ความเป็นมา วิธีการดั้งเดิมของพลังจักรวาลคือการใช้พลังของมนุษย์ และพลังจักรวาล ผสมผสานกัน เดิมวิชานี้มีความเจริญสูงสุดในยุคอาณาจักรแอตแลนติส หลังจากที่อาณาจักรนี้ล่มสลาย เนื่องจากมนุษย์มากด้วยกิเลส ตัณหา หลงตัวเองจนลืมปฏิบัติ ทำให้มลภาวะเข้าสู้ร่างกายและจิตใจ วิชานี้จึงได้เสื่อมคลายไปช่วงเวลาหนึ่ง เป็นผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆนาๆมากมาย จนบางครั้งการแพทย์ ปัจจุบันยังไม่สามารถทำการรักษาได้

ต่อมาท่าน ดาสิรา นาราดา พระภิกษุชาวศรีลังกาได้รื้อฟื้นวิชานี้ขึ้นมาใหม่ ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. 2389 และมรณะ ภาพเมื่อ พ.ศ.2467 ท่านได้บำเพ็ญเพียร ศึกษาจนได้เคล็ดลับในการที่จะสามารถซึบซับ พลังจักรวาลซึ่งมีอยู่ในธรรมชาติรอบๆตัวเรา และสามารถถ่ายทอดพลังนี้ไปยัง ผู้ที่มีความทุกข์จาก โรคภัยไข้เจ็บได้

ในห้วงเวลาเกือบ 200 ปี นับตั้งแต่ที่ท่านได้วิธีรับพลังลี้ลับอันศักดิ์สิทธินี้ และถ่ายทอดวิชานี้ต่อๆมาจนปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันมากกว่า 70 ประเทศ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย ผู้ที่นำวิชานี้มาสู่คนไทย เป็น อาจารย์ใหญ่วิชาพลังจักรวาล คือ ศ. ดร. เซอร์ เลือง มินห์ ด๋าง เป็นชาวเวียดนามเคยเป็นทหารร่วมรบกับอเมริกันในสมัยสงครามเวียดนาม ต่อมาได้อพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกา และได้รับสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน ตั้งถิ่นฐาน อยู่ที่เมืองเซ็นต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี่

เดิมท่านอาจารย์ใหญ่ใช้ชีวิติส่วนใหญ่ปฏิบัติกิจด้านศาสนาเป็นประจำ จนในที่สุดท่านได้มีโอกาสพบวิชาพลัง จักรวาลจากพระภิกษุชาวอินเดีย และได้ศึกษาปฏิบัติต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ ขณะเดียวกันได้พยายามเผยแพร่วิชาน ี้ จนกระจายไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดยเริ่มอย่างจริงจังที่สหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป ตลอดจนทวีปเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยด้วยท่านอาจารย์ใหญ่ได้มาสอนในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 19-21 ตุลาคม 2538 โดย พลเอก เกษม นภาสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาล ได้เชิญท่านมาสอนระดับ 4 ให้กับคนไทย จัดที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มีผู้เข้ารับการอบรมประมาณ 2000 คน จากนั้นท่านก็มาสอนในประเทศไทย อีกหลายครั้งในระดับสูง ครั้งที่สำคัญมาก ได้ให้มูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาลจัดสอนระดับ 6 รุ่นแรกของโลกจำนวน 148 คน จาก 18 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2539 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2540 รวมเวลาเรียน 15 วัน จัดที่คำแสดรีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี

พลังจักรวาล เป็นหนึ่งในแพทย์ทางเลือก ขึ้นกับสำนักการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธาณสุข ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ ธันวาคม 2552

  • Hits: 77

รักษาโรคด้วย-พลังจักรวาล

รักษาโรคด้วย-พลังจักรวาล


วิธีการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล

วิธีการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล คือการส่งพลังจักรวาล ไปให้คนไข ้โดยไม่ใช้ อุปกรณ์ใดๆ นอกจากมือของผู้ให้การบำบัดเท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่มีความสามารถสูง อาจไม่ต้องสัมผัสตัวคนไข้ก็ได้
การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล เป็นวิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อช่วยรักษาโรคทางกายและทางจิต วิธีการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาลนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์ พลังจักรวาลจะทำให้เกิดความสมดุล ณ อวัยวะที่มีปัญหา โดยการส่งพลังผ่านจุดหลัก 7 จุดในร่างกาย ที่ เรียกว่า “จักระ” ซึ่ง เป็นภาษา สันกฤตแปลว่า “วงล้อ” การรักษาด้วยวิธีนี้ ได้รับการค้นคว้าจากโลก ตะวันตกเช่นกัน กล่าวได้ว่าพลังจักรวาลเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เกี่ยวกับพลังงานที่เราเรียกว่า “พลังคอสมิค” ต้นกำเนิดของพลังจักวาลนี้ สืบสาวได้ถึงวิธีการรักษาโดยธรรมชาติ และวิธีนี้ได้ถูกค้นพบอีกครั้งภายใต้กฎความเป็นอยู่ของมนุษย์ ์ซี่งขณะนี้ได้ี้มีความพยายามไม่ใช้ยาจากสารเคมี

กฎข้อบังคับสำหรับการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล

ต่อไปนี้เป็นกฎข้อบังคับทั่วไปที่ให้ใช้สำหรับศูนย์ทั่วโลกและสาขาต่างๆ ตามที่กำหนด
โดย ศ.ดร.เซอร์ มาสเตอร์ เลือง มินห์ ด๋าง M.D.(T.M.), PhD., D.Sc., K.St..J.(Knight Commander) ผู้ก่อตั้ง

คำนิยาม: นี่คือวิธีที่จะนำพลังจักรวาลไปใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาและป้องกันโรค เพื่อสร้างเสริมสุขภาพ

การฝึกอบรม: โดยทั่วไปการฝึกอบรมได้กำหนดไว้เพื่อให้บุคคลที่สนใจนำเครื่องมือนี้ไปใช้ได้ เราเพียงแค่จัดคู่มือให้ และผู้ปฏิบัติจะเป็นผู้ตัดสินถึงประสิทธิภาพของการสอนนี้ จากการนำไปใช้ด้วยตนเอง จะมีหลักการหลายขัอที่เราต้องแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจเมื่อเขามาเข้าชั้นเรียน

1) เราไม่กำหนดให้ใช้สารเคมีหรือตัวยาใดๆ และเราไม่เสนอโครงการอาหารใดๆเลย

2) เราแนะนำให้ผู้เรียนปฎิงานควบคู่ไปกับมาตรฐานการแพทย์แผนปัจจุบันได้ แต่เราไม่ให้คำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวพันกับการแพทย์ใดๆ อาทิเช่น การใช้เคมีบำบัด การเข้ารับการผ่าตัด ฯลฯ เราจะเสนอแนะผู้ป่วยอย่างเคร่งครัดให้หารือกับแพทย์ของเขาในเรื่องเหล่านั้น

3) ผู้เรียนสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นเมื่อเขาร้องขอ แต่ถ้ามีการร้องขอบังเอิญเราไม่ว่าง เราอาจขอตัวหรือรอจนกว่าเราจะว่าง จะไม่มีข้อผูกมัดใดๆ บุคลสามารถเรียนรู้เทคนิคนี้เพื่อดูแลสุขภาพของเขา/เธอ และถ้าเขาไม่ประสงค์จะช่วยใครก็ไม่มีปัญหา เขา/เธอยังคงใช้พลังรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4) เราต้องมั่นใจว่านักเรียนเข้าใจดีว่าสิ่งนี้มิใช่ศาสนา วิธีนี้เป็นทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยเพื่อนมนุษย์ ให้ค้นพบอีกแง่มุมหนึ่งของศักยภาพ ที่มีอยู่ในความคิดและร่างกายมนุษย์

5) เรายินดีเสนอวิธีนี้แก่ผู้คนทั้งหลายโดยปราศจากข้อกีดกันใดๆ ในด้านผิว เชื้อชาติ ศาสนา เพศ การเมือง หรือความพิการทางกาย ใครๆก็สามารถเรียนรู้การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาลได้ ภายใต้เงื่อนไขอย่างเดียวคือ เขา/เธอจะต้องอายุไม่ต่ำกว่า 14 ปี

6) ผู้เรียนแล้วสามารถถ่ายทอดพลังไปช่วยผู้ใดได้ตามที่ขอร้องมา และบริการนี้ต้องไม่คิดค่าป่วยการใดๆ ห้ามเรียกร้องค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น เมื่อมีผู้ขอให้ส่งพลังไปรักษาเขา/เธอ ทุกกรณี (ฟรี 100%)

 

 

  • Hits: 68